17.00 น.คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 6 เคาน์เตอร์ M สายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ QR เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอํานวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
20.00 น. ออกเดินทางสู่ มิลาน โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์สายการบินระดับ 5 ดาว ด้วยเที่ยวบินที่ QR 835 / QR123 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา ประเทศการ์ต้า บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน
07.10 น.เดินทางถึงสนามบินมิลาน เมืองทางเหนือของประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลาน ถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่น หลังผ่านพิธีการด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
นําท่านเดินทางไปยัง เมืองมิลาน ซึ่งเป็นเมือง หลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองสําคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มี ชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม นอกจากนี้มิลานยังเป็นที่รู้จักจากประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า ปาเนตโตเน (Panettone) อุตสาหกรรม ผ้า ไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึง สโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน และ สโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน ถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน และเป็นวิหาร หินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่ นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปั้นนับกว่า 3,000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่1)
นําท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านอิเซล์ทวาลด์ ISELTWALD เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ Lake Brienz ซึ่งรายล้อมไป ด้วยวิวทิวทัศน์ของแนวเทือกเขาสูงใหญ่ ในฤดูร้อนก็จะมีแต่สีสันเขียว ๆ สดชื่นสบายตา น้ําในทะเลสาบเป็นสีฟ้า สวยใส บรรยากาศเงียบสงบ และมาโด่งดังสุดๆจากซี่รี่ย์เกาหลีชื่อดังอย่าง Crash Landing On You ที่มาถ่ายทํา สถานที่แห่งนี้ ให้ท่านเดินเล่นชมเมืองที่สวยงามนี้
จากนั้นเดินทาง สู่ เมืองอินเทอร์ลาเค่น เมืองหลวงของแบร์นเนอร์โอเบอร์ลันด์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมืองตาก อากาศสวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็นเขาจุงเฟราอันลือชื่อ, นาฬิกาดอกไม้, สถานคาสิโน ฯลฯ ให้ท่านเดินเล่นพักผ่อน ชื่นชมบรรยากาศของตัวเมืองที่มีทุ่งหญ้ากว้างกลางเมือง มีสวนดอกไม้เล็กๆ น่ารัก สร้างสีสันให้ตัวเมือง รวมทั้งมีอาคารคาสิโนคูซาลอายุกว่า 100 ปีที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และยังเป็น คาสิโนของเมืองอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2) (ฟองดูว์ ต้นตําหรับสวิตเซอร์แลนด์)
พักค้างคืน ณ METROPOLE หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 3)
นําคณะออกเดินทางโดยรถโค้ชมุ่งหน้าขึ้นสู่ เมืองเลาเทอร์บรุนเน่น เพื่อนําท่านขึ้นรถไฟ สายจุงเฟราบาห์เนน ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบสวิสเซอร์แลนด์ขนานแท้ ที่มีทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ดอกไม้ป่าบาน สะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ล่วง บ้านหลังน้อยใหญ่ปลูกแบบน่ารักๆทรงสวิสชาเลต์ ฝูงวัวพื้นเมืองที่กระจัดกระจายแทะเล็มหญ้าอยู่ทั่วบริเวณ ลําธารน้ําธรรมชาติเล็กๆที่ใสสะอาดและฉากหลังที่มี ภูเขาหิมะตั้งตระหง่านขาวโพลน ซึ่งจะทําให้คณะได้รับความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง นั่งรถไฟชมวิวท่องเที่ยว ธรรมชาติบนภูเขาสูงแห่งแอลป์ แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสายภูเขาที่สถานีไคลน์ไชเด็ก รถไฟที่จะนําท่านเดินทาง ลอดอุโมงค์ที่ชาวสวิสฯ ได้ขุดเจาะไว้ที่ความสูงถึง 3,464 เมตร จนกระทั่งถึง สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป Top of Europe บนยอดเขาจุงเฟรา ซึ่งมีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) จุดสูงสุดคือลานน้ําแข็งขนาดใหญ่เรียกว่า Sphinx นักท่องเที่ยวหลายๆคนบอกว่าที่นี่สวยงามดุจดินแดนแห่งสวรรค์ เพราะยอดเขาแห่งนี้ปกคลุมด้วยหิมะ ขาวโพลนตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านถ่ายภาพความประทับใจตามอัธยาศัยกับแบบจุใจ ไม่มีเร่งรีบ
จากนั้นนําท่าน ชม ถ้ำน้ําแข็ง 1,000 ปี ที่สร้างโดยการเจาะธารน้ําแข็งเข้าไปถึง 30 เมตร พร้อมชมน้ําแข็งแกะสลัก รูปร่างต่าง จากนั้นชมวิวทิวทัศน์และสัมผัสหิมะที่ลานพลาโต Plateau และไม่ควรพลาดการส่งโปสการ์ดจากที่ทํา การไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลกพร้อมซื้อของที่ระลึกต่างๆตามอัธยาศัยนําท่านขึ้น สวิสสฟิงซ์ หรืออาคาร สังเกตการณ์ ที่ความสูง 3,571 เมตร/11,716 ฟิต ท่านสามารถชมวิวได้รอบ 360 องศาจากระเบียงได้ประสบการณ์ แสนประทับใจ เดินทางสู่ ยุงค์ฟราวยอร์ค-หลังคายุโรป ไปแล้วไม่ได้มาจุดชมวิว จุดนี้เหมือนมาไม่ถึง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันเมนูที่ดีที่สุด ณ ภัตตาคาร บนยอดเขาจุงฟราว (มื้อที่ 4)
นําท่านขึ้น สวิสสฟิงซ์ หรืออาคารสังเกตการณ์ ที่ความสูง 3,571 เมตร/11,716 ฟิต ท่านสามารถชมวิวได้รอบ 360 องศาจากระเบียงได้ประสบการณ์แสนประทับใจ จากนั้นนําท่านลง จากยอดเขาจุงเฟราไปยังสถานีรถไฟ ไอเกอร์ เกลทเชอร์ เพื่อนําท่านขึ้นกระเช้า The V-Cableways (กระเช้าใหม่ล่าสุด)ลงมายังเมืองกลินเดอร์วาวล์ จากนั้นนํา ท่านเดินทางสู่ เมืองซุก (ประมาณ 30 กม. ใช้ระยะเวลา ประมาณ 35 นาที ) เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเมือง ซุกเคยเป็นเขตปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์แต่ปัจจุบัน ก็คือเมืองที่รวยที่สุดใน สวิตเซอร์แลนด์ โดยเรียกเก็บค่าภาษีในอัตราต่ำที่สุดในโลก ทําให้เป็นข้อได้เปรียบในเชิงการต่อรองราคาทางธุรกิจ และยังติดอันดับเมืองที่สะอาดที่สุดหนึ่งในสิบของโลกอีกด้วย ให้ท่านได้ถ่ายรูปคู่กับ CLOCK TOWER ที่มีความ สูง 52 เมตร มองเห็นได้มาแต่ไกล สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 หลังคาเป็นสีฟ้าขาวและนาฬิกาที่ตั้งอยู่เป็นนาฬิกาดารา ศาสตร์ที่สามารถบอกข้างขึ้น ข้างแรมของพระจันทร์ได้ ให้ท่านอิสระเดินเล่นชมบ้านเรือน และทะเลสาบของเมือง ซุกจากนั้นเดินทางสู่เมืองซูริค
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5)
พักค้างคืน ณ Holiday Inn Zurich Messe หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 6)
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau) เมืองเล็กๆที่สวยงามบริเวณเขตชายแดนของ ประเทศเยอรมนีและออสเตรีย ผ่านเส้นทางสายที่มีทิวทัศน์อันสุดแสนโรแมนติค ท่ามกลางธรรมชาติของเขาสูง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 7) พิเศษกับเมนูขาหมูเยอรมัน+เบียร์
นําท่านเดินทางขึ้นปราสาทชมความสวยงามของ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) โดยรถบัสเล็ก ( หากช่วงที่หิมะตกหนักรถบัสจะหยุดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว เนื่องด้วยเพื่อความปลอดภัยทางบริษัทฯ จะนํา คณะเดินขึ้น-ลงปราสาท เนื่องจากเวลาหิมะตกทางจะลื่นและอันตราย )
นําท่านเข้าชมต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ ซึ่งปราสาทนอยชวานสไตน์ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาดุจปราสาทในเทพนิยาย ซึ่งเป็น ปราสาทของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 หรือ เจ้าชายหงส์ขาว พระเจ้าลุดวิกทรงเป็นบุคคลที่มีลักษณะนิสัยที่ลึกลับเป็น ปริศนา (eccentric) และผู้ที่สิ้นพระชนม์ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างมีเงื่อนงํา สุขภาพจิตของพระองค์ในบั้นปลาย อาจจะไม่ปกติแต่ก็ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่เป็นที่ยืนยันได้แน่นอน แต่สิ่งที่ทรงทิ้งไว้เป็นมรดกแก่ชนรุ่นหลังคืองานทางสถาปัตยกรรมที่ทรงก่อสร้างที่รวมทั้งวังและปราสาทใหญ่โตที่ทั้งหรูหราโอ่อ่าและเต็มไปด้วย
จินตนาการราวเทพนิยายหลายแห่งรวมทั้งปราสาทนอยชวานชไตน์ซึ่งเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีและนักเขียนดนตรี โอเปร่าคนสําคัญของเยอรมนี ชมความวิจิตร พิสดารของห้องต่างๆที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม โดยการออกแบบของ คริสเตียน แยงค์ จากนั้นนําท่านเดินทาง สู่ เมืองฟุสเซ่น เป็นเมืองเล็ก ๆ ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ในเขตออสทัลล์กอย เป็นเมืองเล็กๆที่มีเสน่ทุกฤดู นําท่านชมย่ายเมืองเก่า ซึ่งมีความสวยตึงตาที่ท่านมิอาจลืมได้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8)
พักค้างคืน ณ Best Western Hotel Fussen หรือเทียบเท่า (คืนที่3)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่9)
นําท่านเดินทางสู่ เมืองอินส์บรุค ประเทศออสเตรีย เป็นเมืองหลวงของรัฐทิโรล ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ออสเตรีย ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ําอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิแม็ก ซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวร์ก เพราะอากาศดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนในเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น พระนางมาเรีย เทเรเซีย ผู้ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่นโปเลียน โบนาปาร์ต ระหว่างทางพักผ่อนตามอัธยาศัยเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของสองข้างทาง
จากนั้นนําท่านชมความร่มรื่นของสวนสาธารณะฮอฟการ์เด้น ถ่ายรูปกับ วังหลังคาทองคํา เป็นสัญลักษณ์สําคัญ ของเมืองอินส์บรุค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สําหรับ เป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian ทรงปรับเปลี่ยนโกลเด้นรูฟให้เป็นสไตล์ โกธิกผสมบาโร้ก และได้ทรงตกแต่งส่วนของหลังคาที่ยื่นออกมาจากระเบียงด้วยทองคําแท้ จํานวน 2,738 แผ่น เพื่อ ใช้เป็นที่ทอดพระเนตรเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นบริเวณจัตุรัสด้านหน้าที่ประทับ ปัจจุบันโกลเด้นรูฟกลายเป็น สํานักงานการประชุมอัลไพน์นานาชาติ เสาสูงอนาซอล จากนั้นให้ท่านได้ช้อปปิ้ง เครื่องแก้วคริสตัน ซึ่งมีชื่อเสียง โด่งดังสุดของออสเตรีย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่10)
ได้เวลาอันสมควรนําคณะออกเดินทางต่อสู่ เมืองคอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (CORTINA D'AMPEZZO) เมืองสกีรีสอร์ท ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ เป็น Best of The Alps เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็น สถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน For Your Eye Onlyและ ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ เป็นสถานที่ตากอากาศ ที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อเล่นสกีเท่านั้น แต่ในหน้าร้อนก็ได้รับความนิยม ท่องเที่ยวแบบ งเที่ยวแบบ Hiking ปีนเขาชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียง
นําท่านเดินทางสู่ เวนิส – เมรเตร้ เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “เมืองที่ ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน” มีเกาะเล็กใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่11) (อาหารพื้นเมือง พาสต้าต้นตําหรับอิตาลี + อาหารจานหลัก (เมนคอร์ส) + ของหวาน)
พักค้างคืน Novotel Venice Mestre Castellana หรือเทียบเท่า (คืนที่ 4)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่12)
เดินทางสู่ เกาะซานมาร์โค (ระยะเวลาในการนั่งเรือ ประมาณ 30 นาที) ศูนย์กลางของนครเวนิส ระหว่างทางท่านจะ ได้ชมอนุสาวรีย์ของพระเจ้าวิคเตอร์เอมานูเอลที่ 2 บิดาของชาวอิตาเลี่ยน ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับสะพานถอน หายใจ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต อีกทั้งยังเป็น ศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย ด้วย ชม จัตุรัสเซนต์มาร์คโค ที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อิสระเลือกช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของเวนิสตามอัธยาศัย อาทิ เครื่องแก้วมูรา โน่ ต้นตํารับของการเป่าแก้วของชาวมูราโน่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาตั้งแต่บรรพชน โดยเครื่องแก้วแต่ละชิ้นมี รูปแบบ และคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เวลาสมควรนําท่านเดินทางกลับเมืองเมสเตร้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่13) (อาหารพื้นเมือง พิซซ่าต้นตําหรับอิตาลี + อาหารจานหลัก (เมนคอร์ส) + ของหวาน)
นําท่านเดินทางผ่าน โบโลญญ่า เมืองมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ของอิตาลีไปยัง เมืองปีซ่า (ประมาณ 328 กม. ใช้ ระยะเวลาประมาณ 3 ชม. 30 นาที) เมืองซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเชิงเขา MONTE PISANO ทางตะวันตกของแคว้นทัส คานี อดีตเมืองท่าริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันตก ที่มีชื่อเสียงของชาวโรมันช่วงศตวรรษที่ 11 – 13 บ้าน เกิดของนักดาราศาสตร์เอกของโลก กาลิเลโอ กาลิเลอิ นําท่านชม หอเอนเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลง จากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพอ อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ. 1350 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของ โครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176 ปี แต่ตัว หอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง14 ฟุต ปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมด้านบนแล้ว เนื่องจากว่าหอจะ เอนลงเรื่อยๆ ซึ่งบรรดาวิศวกรกําลังหาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ ชมไปอีกนานๆ สําหรับหอเอนปิซ่านี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลัก ลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซ่าแห่งนี้ เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทําการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรง ดึงดูดของโลก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 14)
พักค้างคืน ณ GALILEI HOTEL หรือเทียบเท่า (คืนที่ 5)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 15)
นําท่านเดินทางสู่ กรุงโรม ( ประมาณ 357 กม. ใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชม.) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นมีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันแทบจะแยกไม่ออก โรม และอาณาจักรโรมันได้แผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทางชนิดที่มีคํากล่าวว่าเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซิโอ เป็นศูนย์กลางของความเจริญในยุคโบราณ “ถนนทุกสายมุ่งสู่ กรุงโรม”
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 16) (อาหารจีน)
จากนั้นนําท่านเดินทางเข้าสู่ นครรัฐวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเองเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกาย โรมันคาทอลิก นําท่านเข้าชมภายใน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งตกแต่ง อย่างโอ่อ่าหรูหรา ชมรูปปั้นแกะสลัก “เพียต้า” ผลงานของศิลปินเอก ไมเคิลแองเจโล เสาพลับพลาที่ออกแบบโดย เบอร์นินี และยอดโดมขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของอิตาลี ชมร่องรอยของศูนย์กลางแห่ง จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โรมันฟอรั่มจากนั้นคณะแวะถ่ายรูปที่ระลึกด้านหน้า สนามกีฬาโคลอสเซียม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน การออกแบบอย่างชาญฉลาดสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะ เป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้เข้าชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในปัจจุบัน จากนั้นให้ ท่านถ่ายภาพคู่ กับประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของ “ ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” รถโค้ชนําท่านวิ่งผ่านชมสถานที่ต่างๆรอบกรุงโรม ถึงเวลานัดหมายนําท่านนั่งรถผ่านชมร่องรอยของศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่ โรมันฟอรั่ม เข้าสู่ จัตุรัสเวเนเซีย ชม ระเบียงปาลาสโซ่ ที่กล่าวสุนทรพจน์ของมุสโสลินี และ อนุสาวรีย์ พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 หรือพระบิดาของชาวอิตาลี
อิสระตามอัธยาศัยเพื่อสะดวก และให้เวลากับการช้อปปิ้งสินค้าต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
พักค้างคืน ณ IH Hotel Roma Z3 หรือเทียบเท่า (คืนที่ 6 )
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 17)
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ จัตุรัส นาโวนา จัตุรัสที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อก เรียกได้ว่ามีความยอดเยี่ยมที่สุดของ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในอดีตเป็นสนามกีฬาโรมันที่ใช้ต่อสู้ประลองอาวุธกันของผู้เข้าแข่งขันที่จําลองมาจากการ ต่อสู่ทางทะเล จัตุรัส นาโวน่าเป็นจัตุรัสที่ได้ชื่อว่าเป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงโรม ที่เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศจากนั้น นําท่านชม วิหารแพนเธออน เป็น สถาปัตยกรรมสําคัญ สร้างขึ้น โดยจักรพรรดิมาร์คุส วิบซานิอุส อะกริบปา จุดมุ่งหมายในการสร้างไม่ชัดเจนต่อมา มีการสร้างใหม่ในสมัยจักรพรรดิฮาเดรียน ใน ค.ศ. 126 และซ่อมใหญ่ในปี ค.ศ. 202 โดยจักรพรรดิ์ เซพติมิอุส เซเว รุส และคาราคาลา การก่อสร้างในสมัยจักรพรรดิฮาเดรียนมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเทวสถานของเทพเจ้าโรมัน 7 องค์หรือเทพแห่งดาวในระบบสุริยะ APOLLOพระอาทิตย์ DIANA พระจันทร์ MARS อังคาร MERCURY พุธ JUPITER พฤหัส VENUS ศุกร์ SATURN เสาร์ ลักษณะเด่นของตัววิหารคือมีหลังคาทรงกลมและโค้งเป็นครึ่ง วงกลมวางอยู่บนเสาหินแกรนิตขนาดมหึมา วิหารมีความสูงถึง 43.3 เมตร รายละเอียดของโดมหลังคาภายในวิหาร รวมถึงโครงสร้างที่แข็งแรงและยืนหยัดมานานกว่าสองพันปี ตั้งแต่คริสต์ษตวรรษที่ 7 เป็นต้นมา วิหารแห่งนี้ถูกใช้เป็นโบสถ์โรมันแคธอริค อุทิศแด่พระแม่มารีและผู้พลีชีพเพื่อศาสนา
นําท่านชม น้ําพุเทรวี่ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นน้ําพุที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโรม ออกแบบก่อสร้างด้วยหินอ่อนตามสไตล์บา รอกที่งดงามอลังการด้วยฝีมือของ นิโคลา ซัลเวีย ว่ากันว่าถ้ามาโรมแล้วไม้ได้เห็นน้ําพุเทรวี่ก็เท่ากับมาไม่ถึงโรม และเมื่อไปถึงแล้วก็ต้องโยนเหรียญไว้เพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นเคล็ดว่าจะได้กลับมาเยือนโรมอีก สมควรแก่เวลานํา ท่านเดินเล่นที่ ย่านบันไดสเปนแหล่งช๊อปปิ้งชื่อดังของกรุงโรม จัตุรัสแห่งนี้ถูกเรียกชื่อตามสถานทูตสเปน ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณนั้น บริเวณแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ชื่อ FRANCESCO DE SANCTIS เริ่ม สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1723 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1725 สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งชุมชมกันของหนุ่มสาวผู้คนชอบที่จะมานั่ง เรียงรายบนบันไดแห่งนี้
อิสระอาหารกลางวันและอาหารค่ำเพื่อความสะดวกในการช๊อปปิ้งหรือเที่ยวชมความสวยงามของกรุงโรม
17.00 น.นําท่านเดินทางสู่ สนามบินลีโอนาร์โด้ ดาวินชี่...เพื่อทําการเช็คอิน และทําTAX REFUND
22.30 น. คณะอําลากรุงโรมประเทศอิตาลีออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยเที่ยวบิน QR 114 / QR 828 แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า
19.25 น. คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ด้วยความสวัสดี
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
29 ธ.ค. 67 - 06 ม.ค. 68 | 128,555 บาท | 32,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
1) ค่าตั๋วเครื่องบิน (ECONOMY CLASS) ที่ระบุวันเดินทางไป-กลับพร้อมคณะ ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อ จะต้องไม่เกิน จํานวนวัน จํานวนคนและมีค่าใช้จ่ายที่ทางสายการบินกําหนด (น้ําหนักกระเป๋าใบใหญ่ท่านละ 25 กิโลกรัม/กระเป๋าถือขึ้น เครื่องท่านละ 7 กิโลกรัม)
2) ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
3) ค่ารถโค้ชปรับอากาศนําเที่ยวตามรายการ พร้อมคนขับรถที่ชํานาญเส้นทาง (กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12 ชั่วโมง/วัน)
4) ค่า COACH TAX และค่าภาษีผ่านเข้าเมืองต่างๆ
5) ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการพร้อมอาหารเช้าหรือเทียบเท่า (โรงแรมส่วนใหญ่ในยุโรปจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น, ราคาโรงแรมอาจมีการปรับขึ้นหลายเท่าตัว หากวันเข้าพักตรงกับช่วงงาน เทศกาล งานแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลทําให้ต้องมีการเปลี่ยนย้ายเมือง โดยทางบริษัทฯ จะคํานึงถึงความ เหมาะสมและผลประโยชน์ของคณะผู้เดินทางเป็นสําคัญ)
6) ค่าอาหารเลิศรสทุกมื้อที่ระบุตามรายการ
7) ค่าบัตรเข้าชมสถานที่และการแสดงทุกแห่งที่ระบุตามรายการ
8) ค่าวีซ่าท่องเที่ยวยุโรปแบบยื่นปกติ (ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมยื่นวีซ่าให้ ไม่ว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่)
9) ค่าบริการนําทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์
10) ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลในวงเงิน 200,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
11) ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% (เฉพาะค่าบริการ)
1) ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯ
2) ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษในร้านอาหาร นอกเหนือจากที่บริษัทฯจัดให้ ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ
3) ค่าน้ําหนักส่วนที่เกิน 25 กิโลกรัม และมีจํานวนมากกว่า 1 ชิ้น (ระเบียบของสายการบิน)
4) ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ 900 บาท ต่อท่าน
5) ค่าทิปพนักงานขับรถในยุโรป 25 ยูโร ต่อท่าน
299/10 ซอย ลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310