วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | ว่าง | |
---|---|---|---|---|---|
23 พ.ย. 67 - 30 พ.ย. 67 | 79,988 บาท | 11,500 บาท | 78,988 บาท | 0 | |
07 ธ.ค. 67 - 14 ธ.ค. 67 | 82,988 บาท | 11,500 บาท | 81,988 บาท | 5 | จอง |
26 ธ.ค. 67 - 02 ม.ค. 68 | 88,988 บาท | 13,000 บาท | 87,988 บาท | 25 | จอง |
28 ธ.ค. 67 - 04 ม.ค. 68 | 88,988 บาท | 13,000 บาท | 87,988 บาท | 23 | จอง |
28 ม.ค. 68 - 04 ก.พ. 68 | 77,988 บาท | 11,500 บาท | 76,988 บาท | 16 | จอง |
11 ก.พ. 68 - 18 ก.พ. 68 | 77,988 บาท | 11,500 บาท | 76,988 บาท | 5 | จอง |
22 มี.ค. 68 - 29 มี.ค. 68 | 77,988 บาท | 11,500 บาท | 76,988 บาท | 16 | จอง |
03 เม.ย. 68 - 10 เม.ย. 68 | 77,988 บาท | 11,500 บาท | 76,988 บาท | 13 | จอง |
06 เม.ย. 68 - 12 เม.ย. 68 | 85,988 บาท | 12,500 บาท | 84,988 บาท | 31 | จอง |
12 เม.ย. 68 - 19 เม.ย. 68 | 85,988 บาท | 12,500 บาท | 84,988 บาท | 31 | จอง |
01 พ.ค. 68 - 08 พ.ค. 68 | 77,988 บาท | 11,500 บาท | 76,988 บาท | 16 | จอง |
03 พ.ค. 68 - 10 พ.ค. 68 | 77,988 บาท | 11,500 บาท | 76,988 บาท | 16 | จอง |
21.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183 พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
00.25 น. ออกเดินทาง สู่ เมืองอัมมาน (AMM) โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
05.10 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ (AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA)
ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ใช้เวลาในการเดินทาง 9 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) เดินทางถึงสนามบินกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เจ้าหน้าที่บริการด้าน VISA คอยอำนวยความสะดวกแก่คณะทัวร์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้วรับสัมภาระกระเป๋าเดินทางและทำธุรส่วนตัว นำท่านขึ้นรถบัสปรับอากาศ
ออกเดินทาง สู่เมืองมาดาบา (ประมาณ 30 กิโลเมตร) อดีตเส้นทางสำคัญสมัยโรมัน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม และเมืองแห่งเรื่องราวของโมเสสที่สำคัญทางหน้าประวัติศาสตร์ของศาสนายูดา, คริสต์ และอิสลาม ยังเป็นศูนย์กลางที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำโมเสก เป็นศิลปะการตกแต่งด้วยชิ้นแก้ว, หิน, หรือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ซึ่งใช้ในการตกแต่งมหาวิหาร หรือในปัจจุบันใช้ประยุกต์ในการตกแต่งบ้านเรือนหรือ เมืองแห่งโมเสก
ชมโบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาเมาท์เนโบ MOUNT NEBO มีความสูง 817 เมตร จากระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์ที่เดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์แดน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สุดท้ายของโมเสส ก่อนจะชี้ทางให้ผู้สืบทอดนำพาผู้คนไปยังดินแดนพันธสัญญา ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาจะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา THE PROMISED LAND ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้ และเป็นที่จาริกแสวงบุญของชาวคริสต์มาแต่โบราณ และโบสถ์บนยอดเขาได้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่สี่เพื่อเป็นการบ่งชี้จุดที่คาดว่าโมเสสเสียชีวิต MOUNT NEBOยังเคยเป็นสถานที่มาเยือนของสันตะปาปา ของศาสนาคริสต์ โดยสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้มาแวะพำนักที่นี่ ระหว่างการเดินทางไปเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้ปลูกต้นมะกอก สัญลักษณ์ของสันติภาพไว้ข้างๆโบสถ์ไบแซนไทน์ด้วย
ชมพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ภายในเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ขุดพบภายในบริเวณนี้ พร้อมทั้งมีภาพถ่ายต่าง ๆ ภาพถ่ายที่ สำคัญคือภาพที่โป๊บ จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 2000 ชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็นสัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู เชิญถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเจอริโก และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ ทะเลสาบเดดซี
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
ทะเลสาบเดดซี (DEAD SEA) ทะเลสาบเดดซีตั้งอยู่พรมแดนระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากลำธารในจอร์แดน มีส่วนผสมของโซเดียมและแมกนีเซียม ทำปฏิกิริยากับน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านล่างทะเลสาบ โดยมีความเค็ม มากกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 417.5 เมตร นับเป็นพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก น้ำในทะเลเดดซีมีความหนาแน่นมาก มีเกลือละลายในน้ำถึง 25% จึงทำให้วัตถุลอยเหนือน้ำ แม้แต่คนว่ายน้ำไม่เป็นก็ลอยตัวได้ในเดดซีและถูกบันทึกลงในหนังสือ กินเนสส์ ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก เชิญท่าน อิสระในการลงเล่นน้ำทะเลและพิสูจน์ ความจริงว่าท่านลอยตัวได้จริงหรือไม่
(การลงเล่นน้ำในทะเลนั้นมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์)
สมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางสู่เมืองเพตรา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม PETRA MOON HOTEL ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่าน สู่เมืองเพตร้า (ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07) มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งโมเสส (WADI MUSA) มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งชาวอีโดไมท์จวบจนกระทั่งถึงยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูในการเข้ามาครอบครองดินแดนของชาวอาหรับเผ่าเร่ร่อนนาบาเทียนในช่วงระหว่าง 100 ปี ก่อนคริสตกาล – ปี ค.ศ 100และได้เข้ามาสร้างอาณาจักร, บ้านเมือง ฯลฯ จนกระทั่งในปีค.ศ. 106 นครแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันที่นำโดย กษัตริย์ทราจัน และได้ผนึกเมืองแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในอาณาจักรโรมันแห่งแหลมอาระเบียตะวันออก
ทุกท่านสามารถขี่ม้าภายในเส้นทางที่ม้าเดิน ในเพตราได้ ซึ่งรวมอยู่ในค่าบัตรแล้ว เพียงแต่ต้องจ่ายค่าทิปแก่คนจูงม้า ท่านละ 5 USD ต่อท่าน /ต่อเที่ยว หรือแล้วแต่การต่อรองราคา กับคนจูงม้า
กรณีมีผู้สูงอายุ หรือเด็ก ภายในเพตรามีบริการรถกอล์ฟอัตราค่าบริการ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือหัวหน้าทัวร์อีกครั้ง กรณีต้องการขี่ลา, ขี่อูฐ, นั่งรถม้าลาก ฯลฯ)
ระยะทางที่เดินเข้าไปในเพตรา ประมาณ 800 เมตร บนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมืองพร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่ง ธารน้ำ คลังสมบัติ ภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป
นำท่านเดินเท้าเข้าสู่ถนนเข้าเมือง THE SIQ เป็นช่องทางเดินที่ขนาบสองฝั่งด้วยหน้าผา กว่า 1.5 กิโลเมตรที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน ส่วนใหญ่ทางเดินร่มๆ สบายๆ (ทางเดินค่อนข้างลาดลง ไม่เหนื่อย ระหว่างทางก็มีมุมสวยๆ ให้เก็บภาพเรื่อยๆ และมีบรรดาคนมาขายของที่ระลึก เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อย ๆ และ สิ่งก่อสร้าง รูปปั้นแกะสลัก ต่างๆ
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองอัมมาน
นำท่าน ชมรอบเมืองหลวงกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา7ลูกและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปีผ่านชมย่านเมืองเก่า,เมืองใหม่,ย่านธุรกิจ,ตลาดใจกลางเมือง,ย่านคนรวย ฯลฯ
ชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (CITDAEL) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่างๆรอบเมืองเชิญอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็น โรละครโรมัน ROMANSTHEATER ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดนจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงอันแปลกตายิ่งนักที่สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 ในสมัยโรมัน พระราชวังเก่าอุมเมยาด สร้างขึ้นในประมาณปี ค.ศ. 720 โดยผู้นำชาวมุสลิม ของราชวงศ์ ในสมัยมุสลิมได้เข้ามาปกครองประเทศจอร์แดนซึ่งภายในประกอบห้องทำงาน, ห้องรับแขกฯลฯ
ผ่านชมพระราชวังของพระมหากษัตริย์ อับดุลลาห์ที่สอง (RAGHADAN PALACE) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามีทำเลที่สวยงามมากที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม KAYA Hotel @AMMAN ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก นำคณะเดินทางไปยังสนามบิน (AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA)
11.40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ โดยสายการบินรอยัลจอร์แดนเนียล แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ RJ503
12.10 น. เดินทางถึงสนามบินแห่งชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เจ้าหน้าที่บริการด้าน VISA คอยอำนวยความสะดวกแก่คณะทัวร์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำทุกท่านขึ้นรถบัสปรับอากาศ เดินทางเข้าสู่ตัวเมือง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตคารท้องถิ่น
นำทุกท่านขึ้นชม ป้อมปราการ CITADEL ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย ผู้นำซาลาดินในปี ค.ศ.1176และเสร็จในปี ค.ศ. 1182 เพื่อใช้ในการต่อสู้ในสงครามครูเสด ซึ่งภายในสามารถชมที่พักและที่ตั้งของรัฐบาลในสมัยนั้น
ชมสุเหร่าแห่งโมฮัมเม็ดอาลี MOHAMMED ALI MOSQUE ซึ่งเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1830 และเสร็จในปี ค.ศ.1857 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกรีกตามแบบอย่างออตโตมันหรือตุรกีในปัจจุบัน ภายในมีนาฬิกาบนลานในสุเหร่าซึ่งเป็นของขวัญในการแลกเปลี่ยนกับอนุสาวรีย์ปลายแหลมโอบิลิสก์ของรามเสสที่ 2 เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างอียิปต์และฝรั่งเศส
นำท่านเที่ยวชม ย่านคอปติกไคโร เป็นส่วนหนึ่งของเมืองเก่าไคโร เดินเที่ยวเล่นลัดเลาะตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ คดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตแบบยุคเก่า ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ชมโบสถ์แขวน (HANGING CHURCH) ภายในตัวโบสถ์จะตกแต่งคล้ายๆ กับโบสถ์อื่นๆ ที่เราได้เข้าไปเยี่ยมชมมาแต่บริเวณพื้นบางจุดเขาได้ทําช่องกระจกให้เรามองลงไปที่ด้านล่างของพื้นซึ่งเราจะเห็นโครงสร้างและฐานของโบสถ์ที่วางลอยอยู่เหนือพื้นดินเป็นที่มาของชื่อเรียกว่าโบสถ์แขวน (hanging) โบสถ์คริสต์ในแดนมุสลิม และเป็นโบสถ์ที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในอียิปต์ กล่าวกันว่าตำแหน่งใต้ดินของโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ ๆ โยเซฟได้พาพระกุมาร (พระเยซู) และภรรยา (พระแม่มารี) มาพำนักในช่วงที่ต้องลี้ภัยจากกษัตริย์เฮโรดแห่งยูดาห์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม PYRAMID PARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ที่ราบสูงกีซ่า ชมมหาพีระมิดกีซา หรือ THE GREAT PYRAMID OF GIZA อายุกว่า 5000 ปี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นชื่อเรียกของสถานที่ฝังพระศพของเมืองเลโทโพลิสโบราณ(ปัจจุบันคือ ไคโร) ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตร.ม. บนที่ราบสูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่ตั้งของมหาปิรามิด 3 องค์ ซึ่งองค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณสร้างขึ้นเพื่อฝังพระศพของพระองค์เอง นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของโลก ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 30 ปี สร้างจากแท่งหินขนาดใหญ่มาก แต่ละก้อนหนักกว่า 2 ตัน หินแต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมาก แม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่าน
พีระมิดกีซามีอยู่สามหลังใหญ่ ๆ เรียงจากขวาไปซ้าย คือ
- พีระมิดของฟาโรห์คูฟู KHUFU เป็นพีระมิดที่สูงที่สุด เดิมมีความสูง 146 เมตร ปัจจุบันสูง 138 เมตร เพราะส่วนยอดได้พังทลายไปบ้างจึงทำให้เตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย ฟาโรห์คูฟูเป็นฟาโรห์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 4 (2589-2566 ก่อน ค.ศ.)
- ตรงกลาง คือ พีระมิดของฟาโรห์คาเฟร่ KHAFRE เดิมมีความสูง 143 เมตร ปัจจุบันสูง 136 เมตร ฟาโรห์คาเฟร่เป็นลูกชายของฟาโรห์คูฟูค ส่วนรูปแกะสลักหินที่มีลำตัวเป็นสิงโต มีศีรษะและใบหน้าเป็นมนุษย์ คือ สฟิงซ์ที่เชื่อว่าแกะสลักเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์คาเฟร่เจ้าของพีระมิดหลังนี้
- ส่วนซ้ายสุดขนาดเล็กกว่าองค์อื่น คือ พีระมิดของฟาโรห์เมนคูเร MENKAURE มีขนาดเล็กที่สุด มีความสูง 65 เมตร และมีพีระมิดของราชินีอีกสามหลัง ฟาโรห์เมนคูเร คือ ลูกชายของฟาโรห์คาเฟร่ และเป็นหลานของฟาโรห์คูฟู
* (ค่าบริการไม่รวมค่าเข้าชมภายในตัวพีระมิด) ค่าใช้จ่ายในการเข้าชมพีระมิดโดยประมาณ 10-15 USD ดอลล่า โดยสามารถตัดสินใจและซื้อเพิ่มได้ ณ จุดบริการจำหน่ายบัตร (รับเฉพาะบัตรเครดิต) หรือสอบถามได้ที่หัวหน้าทัวร์และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่บริเวณลานชมวิว Panorama ท่านจะได้เห็นวิวปิรามิดในมุมกว้าง และเห็นปิรามิดเรียงตัวกันทั้ง 3หลัง ให้ท่านได้ถ่ายภาพตามอัธยาศัย หรือท่านสามารถ ขี่อูฐ ชมทิวทัศน์รอบๆโดยมีหมู่ปีรามิดเป็นฉากหลัง อิสระเดินเที่ยวตามอัธยาศัย
ค่าบริการทัวร์ไม่รวมขี่อูฐ ราคาประมาณ 15 USD ต่อท่านต่อหนึ่งตัว หรือสามารถสอบราคาอัพเดทอีกครั้งได้ที่หัวหน้าทัวร์หรือมัคคุเทศก์ท้องถิ่น)
จากนั้นนำท่านเดินทางถ่ายภาพด้านหน้า มหาสฟิงซ์ (THE GREAT SPHINX OF GIZA) (ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 10 นาที) มหาสฟิงซ์ ตั้งอยู่ด้านหน้าของพีระมิดคาเฟร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่พีระมิดแห่งกีซา และยังถือเป็นสฟิงซ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติเพียงก้อนเดียว มีส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์และลำตัวเป็นสิงโต มี หน้าที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกษัตริย์ และมีพลังพิเศษเพื่อปกป้องพระศพและทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายในพีระมิด
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ตลาดข่านเอลคาลิลี่ (KHAN EL KHALILI) ตลาดข่าน เอล คาลิลี่ (Khan El Khalili Bazaar ) ประเทศอียิปต์ เป็นตลาดสไตล์อาหรับโบราณ อายุกว่า 600 ปี ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 (ค.ศ. 1382-1389) โดย Jaharkas al-Khalili เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นสุสานของราชวงศ์ฟาติมิด ต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายกระดูกและสร้างอาคารพาณิชย์ขึ้น ตลาดขายของพื้นเมืองและสินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุง ไคโร ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรูปพรรณ และเพชรพลอย ลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ
ค่ำ บริการอาหารเย็น ดินเนอร์บนเรือล่องแม่น้ำไนล์ พร้อมชมบรรยากาศสองฝั่งของแม่น้ำไนล์ และชมการแสดงระบำหน้าท้อง Belly Dance show และระบำกระโปรง ซึ่งเป็นการแสดงยอดนิยมของชาวอาหรับ
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม PYRAMID PARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ออกเดินทางสู่เมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ ของประเทศอียิปต์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. นำท่านเที่ยวชม เมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า ราคอนดาห์ เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปี ก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อนพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ ราชินีเลอ โฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหารโรมัน มาร์ค แอนโทนี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก ชมหลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้น ที่3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่
ชมเสาปอมเปย์ เป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ จูเลียส ซีซ่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ และได้ถูกชาวอิยิปต์ฆ่าเสียชีวิต ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาโบราณแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัว ได้เวลาสมควรเดินทางกลับสู่เมืองหลวงกรุงไคโร
เที่ยง รับประทานอาหารเทียง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ซีฟู้ด)
นำท่านเข้าชมภายใน ป้อมปราการซิทาเดล (CITADEL) ป้อมปราการโบราณที่ยังมีความสวยงาม ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกสร้างขึ้นในคริสศตรรษที่ 15 อดีตใช้เป็นที่ตั้งของประภาคารฟารอส ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณปัจจุบันเหลือเพียงส่วนที่เป็นฐานและได้มีรับการทะนุบำรุงต่อเติมจากสุลต่านเกย์ตเบย์
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงไคโร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
แวะชม โรงงานผลิตหัวน้ำหอม PERFUME FACTORY ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมแบบนี้สืบทอดมาตั้งแต่สมัย พระนางคลีโอพัตรา และยังเป็นศูนย์กลาง แหล่งผลิดหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับยี่ห้อแบรนด์เนมดัง ๆหลายยี่ห้ออีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม PYRAMID PARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำคณะเดินทางเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไคโร (Cairo Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของอียิปต์ ที่ตั้งอยู่ที่กรุงไคโร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งสะสมและโบราณวัตถุอียิปต์โบราณ กว่า 120,000 ชิ้น ตัวอาคารสร้างขึ้นปี 1901 โดยบริษัทสัญชาติอิตาลี "Garozzo-Zaffarani" ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่ยังคงเก็บรักษาวัตถุโบราณที่ล้ำค่า คือ สมบัติของฟาร์โรห์ตุตันคามุน
****จุดไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ โลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมนและสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิ เตียงบรรทม รถศึกและเก้าอี้บัลลังก์ทองคำซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้โรแมนติกมาก เป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั่งอยู่บนเก้าอี้และมเหสีของพระองค์กำลังทาน้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักอันลึกซึ้ง นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชมสมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น แหวน สร้อยข้อมือสร้อยคอ ฝีมือประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,300 ปี และชมมัมมี่ของเจ้าหญิงเจ้าชาย (Mummy Thuya and Mummy Yoya ) ที่ถูกบรรจุอยู่ในโลง พร้อมทั้งวัสดุอุปกรณ์ของรวมกันไว้ในสุสาน จากนั้น ชมห้องมัมมี่สัตว์ต่างๆ เช่น จระเข้ สุนัข แมว ปลา นก และอื่นๆ ที่ถูกทำไว้ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ มีอายุมากกว่า 4500 ปี
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)
แวะชมศูนย์กลางการทำกระดาษปาปีรุส ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจาก ต้นกก (PAPYRUS) ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในสมัยอียิปต์โบราณ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ห้าง City star shopping mall 1 ในห้างสรรพสินค้าในกรุงไคโร มีร้านค้าแบรนด์เนม และสินค้าหลากหลาย อิสระช้อปปิ้ง ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้ามากมาย
สมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางสู่สนามบินไคโร
19.40 น. ออกเดินทาง สู่ เมืองอัมมาน (AMM) โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ506
22.10 น. ถึงสนามบินเมืองอัมมาน แวะเปลี่ยนเครื่อง
02.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย ด้วยสายการบิน ROYAL JORDANNIAN เที่ยวบินที่ RJ182 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม.
15.15 น. เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ มิรู้ลืมเลือน
299/10 ซอย ลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310