17.00 น.คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ Q สายการบิน QATAR AIRWAYS (QR) สังเกตป้ายบริษัท เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอํานวยความสะดวกด้านสัมภาระบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
20.25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบินที่ QR 833 / QR 123 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน
06.35 น. เดินทางถึงสนามบินมิลาน เมืองทางเหนือของประเทศอิตาลีเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านนแฟชั่น และศิลปะ ซึ่งมิลานถูก จัดให้เป็นเมืองแฟชั่นหลังผ่านพิธีการด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ใจกลางเมืองมิลาน
นําท่าน ถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน และเป็น วิหารหินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่ นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปปั้นนับกว่า 3000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน จากนั้น อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังบริเวณอาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2 ซึ่งเป็นห้างหรือศูนย์การค้าที่
เก่าแก่ที่สุดในโลก
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1)
นําท่านเดินทางสู่เมือง เมืองเวโรน่า (VERONA) เมืองที่โด่งดังมาจากนิยายรักอมตะเรื่องเอกของวิลเลี่ยม เชกส์เปียร์ ชื่อโรมิโอและจูเลียต นําท่านชม ย่านเมืองเก่า ที่ยังคงสภาพบ้านเรือนแบบโบราณ นําท่านสู่ จตุรัสเออร์เบ ที่รายล้อม ไปด้วยคฤหาสน์, วังเก่าของตระกูลที่เคยปกครองเวโรน่า ระหว่างทาง ผ่านชม ความยิ่งใหญ่ภายนอกของ โรมัน อารี น่า สนามกีฬากลางแจ้งแบบโบราณในสมัยโรมัน เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึก และสินค้าแบรนด์เนมที่มี ให้ท่านได้เลือกอย่างมากมายตามอัธยาศัยบริเวณ จัตุรัสเมืองเก่า นําท่านชม อดีตบ้านของจูเลียต ปัจจุบันหน้าบ้านจู เลียตคือ ร้านArmani ชมระเบียงหินอ่อนเล็ก ๆ ที่จูเลียตเคยยืนอยู่โดยมีโรมิโอมาคอยเฝ้าขอความรักอยู่ด้านล่าง ตั้งอยู่ ที่บ้านเลขที่ 27 ถนนแคปเปลโล (Cappello) ในเมืองเวโรน่า (Verona) บริเวณบ้านมีรูปปั้นจูเลียตที่เป็นบรอนซ์ปั้นโดย ว่ากันว่าใครอยากสมหวังในเรื่องความรักก็ให้ไปจับที่หน้าอกของจูเลียต นอกจากนี้ภายในบริเวณ N.Costantini และยังมีบริการโทรศัพท์ กําแพงบ้านจูเลียตยังมีการเขียนแสดงความรักกันมากมายจนแทบไม่เห็นสีกําแพงเดิม สําหรับคนที่ไม่ได้มากับคนรักให้ได้เซย์ฮัลโหลหากันว่าโทรมาจากบ้านจูเลียตแห่งนี้ ได้เวลานัดหมายนําท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส (VENICE) เมืองบนเกาะเจ้าของฉายา ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จํานวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย
เดินทางผู้ยิ่งใหญ่มาร์โคโปโล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกและยังเป็นบ้านเกิดของนัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2)
พักค้างคืน ณ Voco Venice Mestre หรือระดับเดียวกัน (คืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (ม้ือที่3)
นําท่านเดินทางสู่ เกาะเวนิส – เมรเตร้ เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “เมืองที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน” มีเกาะเล็กใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เดินทางสู่ เกาะซานมาร์โค (ระยะเวลาในการนั่งเรือ ประมาณ 30 นาที) ศูนย์กลางของนครเวนิส ระหว่างทางท่านจะ ได้ชมอนุสาวรีย์ของพระเจ้าวิคเตอร์เอมานูเอลที่ 2 บิดาของชาวอิตาเลี่ยน ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับสะพานถอนหายใจ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต อีกทั้งยังเป็น ศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย ชมจัตุรัสเซนต์มาร์คโค ที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อิสระเลือกช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของเวนิสตามอัธยาศัย อาทิ เครื่องแก้วมูราโน่ ต้นตํารับของการเป่าแก้วของชาวมูราโน่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาตั้งแต่บรรพชน โดยเครื่องแก้วแต่ละชิ้นมี รูปแบบ และคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เวลาสมควรนําท่านเดินทางกลับเมืองเมสเตร้
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (ม้ือที่4)
นําท่านเดินทางสู่ เมืองอินส์บรุค ประเทศออสเตรีย เป็นเมืองหลวงของรัฐทิโรล ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ออสเตรีย ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ําอินน์กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิแม็กซิมิ เลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวร์ก เพราะอากาศดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนใน เมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น พระนางมาเรีย เทเรเซียผู้ยิ่งใหญ่หรือแม้แต่นโปเลียน โบนาปาร์ต ระหว่างทางพักผ่อนตาม อัธยาศัยเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของสองข้างทาง จากนั้นนําท่านชมความร่มรื่นของสวนสาธารณะฮอฟการ์เด้น ถ่ายรูป กับ วังหลังคาทองคํา เป็นสัญลักษณ์สําคัญของเมืองอินส์บรุคซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สําหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล ต่อมาจักรพรรดิ Maximilian ทรง ปรับเปลี่ยนโกลเด้นรูฟให้เป็นสไตล์โกธิคผสมบารอก และได้ทรงตกแต่งส่วนของหลังคาที่ยื่นออกมาจากระเบียงด้วยทองคําแท้ จํานวน 2,738 แผ่น เพื่อใช้เป็นที่ทอดพระเนตรเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้นบริเวณจัตุรัสด้านหน้าที่ประทับ ปัจจุบันโกลเด้นรูฟกลายเป็นสํานักงานการประชุมอัลไพน์นานาชาติ เสาสูงอนาซอล จากนั้นให้ท่านได้ช้อปปิ้งเครื่อง แก้วคริสตัลซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังสุดของออสเตรีย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5)
พักค้างคืน ณ Hotel Grauer Bar หรือระดับเดียวกัน (คืนที่ 2)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)
จากนั้นท่านเดินทางสู่ เมืองฮัลล์ทัทท์ เมืองที่ได้ชื่อว่าตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก จนได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลก ฮัลล์ทัทท์เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบฮัลล์ทัทท์ (Lake Hallstatt) หรือ ฮัลล์ชตัทท์เทอร์ซี (Hallstatter See) ทะเลสาบในเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut) ภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ที่สําคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรีย อิสระให้ท่านเดินชมบรรยากาศเมือง ท่องเที่ยวเล็กๆ ที่มีเสน่ห์คือความเงียบสงบสวยงาม จุดเด่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยของเมืองริมทะเลสาบสีน้ําเงิน แห่งนี้ก็คือ เทือกเขาสูงตระหง่านล้อมรอบทะเลสาบอันนิ่งสงบเอาไว้อย่างนุ่มนวล
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 7) พิเศษกับเมนูปลาเทร้าย่างเกลือ
นําท่านเดินทางสู่ ใจกลางนครมิวนิค เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และ เป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป เมืองตั้งอยู่บนแม่น้ําอีซาร์ เหนือเทือกเขาแอลป์ นําท่านชม จัตุรัสมาเรียนพาซ ย่านใจกลางเมืองเก่าของมิวนิค ที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองเก่าที่งดงามด้วยศิลปะโกธิค และวิหารแม่พระโบสถ์ใหญ่ที่ มีโดมเป็นรูปทรงคล้ายหัวหอมใหญ่ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า ย่านถนนคนเดินซึ่งจะมีห้างสรรพสินค้ามากมายหลายแห่ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8)
พักค้างคืน ณ ACHAT Hotel Munchen Sud หรือระดับเดียวกัน (คืนที่ 3)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9)
นําท่านเดินทางสู่เมืองโฮเฮนชวานเกา เมืองเล็กๆที่สวยงามบริเวณเขตชายแดนของประเทศเยอรมนีและออสเตรีย เดิน ทางผ่านเส้นทางที่มีทิวทัศน์อันสุดแสนโรแมนติค ท่ามกลางธรรมชาติของเขาสูง เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสองปราสาท สวยงาม คือปราสาทโฮเฮนขวานเกา ซึ่งเป็นปราสาทของพระเจ้าแม็กซิมิเลี่ยนที่ 2 ( พระราชบิดาของพระเจ้าลุควิกที่ 2 ) และปราสาทนอยชวานชไตน์ เป็นปราสาทซึ่งสร้างตามพระจินตนาการส่วนพระองค์ของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 บริเวณใกล้กันกับปราสาทจะมีทะเลสาบสวยงามที่มีชื่อว่าทะเลสาบแอลป์
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 10) พิเศษกับเมนูขาหมูเยอรมัน+เบียร์
นําท่านเดินทางขึ้นปราสาทชมความสวยงามของ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) โดยรถบัสเล็ก (หากช่วงที่หิมะตกหนักรถบัสจะหยุดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว เนื่องด้วยเพื่อความปลอดภัยทางบริษัทฯ จะนําคณะ เดินขึ้น – ลงปราสาท เนื่องจากเวลาหิมะตกทางจะลื่นและอันตราย) นําเข้าชมต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทรา ในดิสนีย์แลนด์ ซึ่งปราสาทนอยชวานสไตน์ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาดุจปราสาทในเทพนิยาย ซึ่งเป็นปราสาทของ พระเจ้าลุดวิคที่ 2 หรือ เจ้าชายหงส์ขาว พระเจ้าลุดวิกทรงเป็นบุคคลที่มีลักษณะนิสัยที่ลึกลับเป็นปริศนา (eccentric) และเป็นผู้ที่สิ้นพระชนม์ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างมีเงื่อนงํา สุขภาพจิตของพระองค์ในบั้นปลายอาจจะไม่ปกติแต่ก็ไม่ มีหลักฐานทางการแพทย์ที่เป็นที่ยืนยันได้แน่นอน แต่สิ่งที่ทรงทิ้งไว้เป็นมรดกแก่ชนรุ่นหลังคืองานทางสถาปัตยกรรมที่ทรงก่อสร้างรวมทั้งวังและปราสาทใหญ่โตที่ทั้งหรูหราโอ่อ่าและเต็มไปด้วยจินตนาการราวเทพนิยาย หลายแห่ง รวมทั้งปราสาทนอยชวานชไตน์ซึ่งเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีและนักเขียนดนตรี โอเปร่าคนสําคัญของเยอรมนีชมความวิจิตรพิสดารของห้องต่างๆ ที่ได้รับ การตกแต่งอย่างงดงาม โดยการออกแบบของ คริสเตียน แยงค์ จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น เป็นเมืองเล็ก ๆ ในรัฐบาวาเรียประเทศเยอรมนีในเขตออสทัลล์กอย เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ทุกฤดู นําท่านชมย่านเมืองเก่าซึ่งมีความสวยงามตึงตาที่ท่านมิอาจลืมได้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ ภัตตาคาร (มื้อที่ 11)
พักค้างคืน ณ Luitpoldpark-Hotel หรือระดับเดียวกัน (คืนที่ 4)
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มือที่ 12)
นําท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น เมืองหลวงอันเก่าแก่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสวยงามเป็น อย่างยิ่งจนได้รับการอนุรักษ์ และประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ Unesco จากนั้นนําคณะเดินทางเข้าสู่ ย่าน มาร์คกาสเซ ย่านเมืองเก่าซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และร้านบูทีค เป็นเขตที่ปลอดมลพิษไม่ให้รถยนต์วิ่ง ผ่านจึงเหมาะกับการเดินเที่ยว นําชมอาคารเก่า อายุ 200 – 300 ปี ชมถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดๆของ เมืองนี้ เดินทางเข้าสู่ ถนนครัมกาสเซ เต็มไปด้วยร้านภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ชมนาฬิกาไซ้ท์ก ล็อคเค่นอายุกว่า 800 ปี ที่มีโชว์ให้ดูทุกๆชั่วโมงที่นาฬิกาตีบอกเวลา ชมมหาวิหารเซนต์วินเซนต์รัทฮาวน์ เบิร์นยังเป็นเมืองที่มีน้ําพุมากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ให้ท่านได้เดินเที่ยวชมเมืองพร้อมชมอดีตบ้านพักของไอสไตน์ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 13)
นําท่านเดินทางโดยรถโค้ช สู่ เมืองอินเทอร์ลาเค่น เมืองหลวงของแบร์นเนอร์โอเบอร์ลันด์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมืองตากอากาศสวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็นเขาจุงเฟราอันลือชื่อ, นาฬิกาดอกไม้, สถานคาสิโน ฯลฯ ให้ท่านเดินเล่นพักผ่อน ชื่นชมบรรยากาศของตัวเมืองที่มีทุ่งหญ้ากว้างกลางเมือง มีสวนดอกไม้ เล็กๆ น่ารักสร้างสีสันให้ตัวเมือง รวมทั้งมีอาคารคาสิโนคูซาลอายุกว่า 100 ปี ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และยังเป็นคาสิโนของเมืองอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารพื้นเมือง ให้ท่านได้ลิ้มลองเมนูฟองดูว์แบบต้นตํารับ ที่ขึ้นชื่อของสวิตเซอร์แลนด์ ทั้ง 3 ชนิด เริ่มต้นจากชีส // เนื้อสัตว์ และ ช็อคโกแลต (มื้อที่ 14)
พักค้างคืน ณ Lindner Grand Hotel Beau Rivage หรือระดับเดียวกัน (คืนที่ 5)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 15)
นําคณะออกเดินทางโดยรถโค้ชมุ่งหน้าขึ้นสู่ หมู่บ้านกรินเดลวาลด์กรุน เเพื่อนําท่านขึ้นรถไฟ สายจุงเฟราบาห์เนน ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบสวิสเซอร์แลนด์ขนานแท้ ที่มีทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ดอกไม้ป่าบาน สะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ล่วง บ้านหลังน้อยใหญ่ปลูกแบบน่ารักๆทรงสวิสชาเลต์ ฝูงวัวพื้นเมืองที่กระจัดกระจายแทะเล็มหญ้าอยู่ทั่วบริเวณ ลําธารน้ําธรรมชาติเล็กๆที่ใสสะอาดและฉากหลังที่มีภูเขาหิมะตั้งตระหง่านขาวโพลน ซึ่งจะทําให้คณะได้รับความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง นั่งรถไฟชมวิวท่องเที่ยวธรรมชาติ บนภูเขาสูงแห่งแอลป์ แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสายภูเขาที่สถานีไคลน์ไชเด็ก รถไฟที่จะนําท่านเดินทางลอดอุโมงค์ที่ ชาวสวิสฯ ได้ขุดเจาะไว้ที่ความสูงถึง 3,464 เมตร จนกระทั่งถึง สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป Top of Europe บน ยอดเขาจุงเฟรา ซึ่งมีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) จุดสูงสุดคือลานน้ําแข็งขนาดใหญ่เรียกว่า Sphinx นักท่องเที่ยวหลายๆคนบอกว่าที่นี่สว ที่นี่สวยงามดุจดินแดนแห่งสวรรค์ เพราะยอดเขาแห่งนี้ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านถ่ายภาพความประทับใจตามอัธยาศัยกับแบบจุใจ ไม่มีเร่งรีบ
จากนั้นนําท่าน ชม ถ้ำน้ําแข็ง 1,000 ปี ที่สร้างโดยการเจาะธารน้ําแข็งเข้าไปถึง 30 เมตร พร้อมชมน้ําแข็งแกะสลักรูปร่างต่าง จากนั้นชมวิวทิวทัศน์ และสัมผัสหิมะที่ลานพลาโต Plateau และไม่ควรพลาดการส่งโปสการ์ดจากที่ทําการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลกพร้อม ซื้อของที่ระลึกต่างๆตามอัธยาศัย นําท่านขึ้น สวิสสฟิงซ์ หรืออาคารสังเกตการณ์ ที่ความสูง 3,571 เมตร/11,716 ฟิต ท่านสามารถชมวิวได้รอบ 360 องศาจากระเบียงได้ประสบการณ์แสนประทับใจ เดินทางสู่ ยุงค์ฟราวยอร์ค-หลังคา ยุโรป ไปแล้วไม่ได้มาจุดชมวิว จุดนี้เหมือนมาไม่ถึง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บนยอดเขาจุงเฟรา (ม้ือที่16)
นําท่านลงจากยอดเขาจุงเฟราไปยังสถานีรถไฟ ไอเกอร์ เกลทเชอร์ เพื่อนําท่านขึ้นกระเช้า The V-Cableways (กระเช้าใหม่ล่าสุด)ลงมายังเมืองกลินเดอร์วาวล์ นําท่านชม สะพานไม้ชาเปล สัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น สะพานไม้ที่เก่าแก่มีอายุหลายร้อยปี นําท่านชม อนุสาวรีย์สิงโต สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์และกล้าหาญของชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการ ต่อสู้ป้องกันพระราชวังในคราวปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศสแกะสลักอยู่บนหน้าผาหิน อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง (ไม่ใช่วิ่งชมเมือง) หรือ ช้อปปิ้ง นาฬิกาสวิสฯ อาทิ ROLEX,PANERAI, OMEGA, IWC, PATEK PHILLIP เป็น ต้น หรือเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกเช่น มีดสวิสฯ พร้อมสลักชื่อ, สินค้าพื้นเมืองของที่ระลึก, ช็อคโกแลต เป็นต้น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร(ม้ือที่17) (อาหารไทย
พักค้างคืน ณ Radisson Blu Lucerne หรือระดับเดียวกัน (คืนที่ 6)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 18)
ออกเดินทางเข้าสู่ ซาฟเฮาส์เซ่น เมืองชายแดนเยอรมัน-สวิสฯ นําคณะชมความสวยงามของน้ําตกไรน์ ซึ่งเกิดจาก แม่น้ําไรน์สายน้ํานานาชาติที่สําคัญที่สุดในยุโรป แม่น้ําแห่งนี้เกิดขึ้นจา งนี้เกิดขึ้นจากการละลายของหิมะจากเทือกเขาแอลป์เริ่ม จากเป็นลําธารเล็กๆผ่านลิคเท่นสไตน์เข้าสู่ทะเลสาบคอนสะแต้นที่กั้นพรหมแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับเยอรมนี สัมผัสความตระการตาของสายน้ําตก พร้อมบันทึกภาพอันน่าประทับใจไว้เป็นที่ระลึก ได้เวลานัดหมายนําคณะออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติซูริกเพื่อทําการเช็คอินและทําTAXREFUND
15.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ QR 096 / QR 836 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา บริการอาหารและ เครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน
12.40 น.คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ด้วยความสวัสดี
1) ค่าตั๋วเครื่องบิน (ECONOMY CLASS) ที่ระบุวันเดินทางไป-กลับพร้อมคณะ ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อ จะต้องไม่เกิน จํานวนวัน จํานวนคนและมีค่าใช้จ่ายที่ทางสายการบินกําหนด (น้ําหนักกระเป๋าใบใหญ่ท่านละ 25 กิโลกรัม/กระเป๋าถือขึ้น เครื่องท่านละ 7 กิโลกรัม)
2) ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
3) ค่ารถโค้ชปรับอากาศนําเที่ยวตามรายการ พร้อมคนขับรถที่ชํานาญเส้นทาง (กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12 ชั่วโมง/วัน)
4) ค่า COACH TAX และค่าภาษีผ่านเข้าเมืองต่างๆ
5) ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการพร้อมอาหารเช้าหรือเทียบเท่า (โรงแรมส่วนใหญ่ในยุโรปจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น, ราคาโรงแรมอาจมีการปรับขึ้นหลายเท่าตัว หากวันเข้าพักตรงกับช่วงงาน เทศกาล งานแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลทําให้ต้องมีการเปลี่ยนย้ายเมือง โดยทางบริษัทฯ จะคํานึงถึงความ เหมาะสมและผลประโยชน์ของคณะผู้เดินทางเป็นสําคัญ)
6) ค่าอาหารเลิศรสทุกมื้อที่ระบุตามรายการ
7) ค่าบัตรเข้าชมสถานที่และการแสดงทุกแห่งที่ระบุตามรายการ
8) ค่าวีซ่าท่องเที่ยวยุโรปแบบยื่นปกติ (ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมยื่นวีซ่าให้ ไม่ว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่)
9) ค่าบริการนําทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์
10) ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลในวงเงิน 200,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
11) ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% (เฉพาะค่าบริการ)
1) ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯ
2) ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษในร้านอาหาร นอกเหนือจากที่บริษัทฯจัดให้ ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ
3) ค่าน้ําหนักส่วนที่เกิน 25 กิโลกรัม และมีจํานวนมากกว่า 1 ชิ้น (ระเบียบของสายการบิน)
4) ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ 1,000 บาท ต่อท่าน
5) ค่าทิปพนักงานขับรถในยุโรป 25 ยูโร ต่อท่าน
299/10 ซอย ลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310