10.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 3 เคาน์เตอร์ สายการบิน MYANMAR AIRWAYS (8M) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
13.20 น. นำท่านเดินทางสู่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ โดยเที่ยวบินที่ 8M361 (มีบริการอาหารว่างบนเครื่อง)
14.40 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ นำท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศ (ประเทศเมียนมาร์ เวลาช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที) นำท่านเดินสู่ เมืองพุกาม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง พุกาม เป็นเมืองโบราณและได้รับการรับรองจาก องค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ตั้งอยู่ในภาคมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 13 เมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพุกาม อาณาจักรแห่งแรกของชาวพม่า ในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 มีวัด เจดีย์ และอารามกว่า 10,000 แห่ง ถูกสร้างขึ้นบนที่ราบพุกาม ซึ่งยังคงมีวัดและเจดีย์กว่า 2,200 แห่ง ที่ยังคงอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (1)
เข้าสู่พักที่ REGENCY BAGAN HOTEL BAGAN ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า (พุกาม)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (2)
นำท่านเดินทางสู่ จุดชมวิวเมืองพุกาม ให้ท่านได้ถ่ายภาพทุ่งทะเลเจดีย์ แห่งเมืองพุกามที่กว้างใหญ่และสวยงาม พุกามได้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งทะเลเจดีย์" หรือ "ดินแดนแห่งเจดีย์" เพราะในช่วงรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมาย ที่ถูกสร้างขึ้นบนที่ราบพุกาม เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ เจดีย์ชเวซี่โกน สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม โดยธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ เจดีย์องค์ใหญ่สุดจะเป็นเจดีย์ที่กษัตริย์ทรงสร้างและองค์ที่มีขนาดเล็ก ถัดมาเป็นการสร้างโดยเหล่าขุนนาง อำมาตย์ ลดหลั่นลงมาตามบรรดาศักดิ์ นอกจากเจดีย์ชเวซี่โกนแล้ว ยังมีเจดีย์สำคัญๆ อีกหลายองค์และวัดสำคัญๆ อีกเช่น เจดีย์ชเวซานดอ, อานานดาพะย่า, มีนกะลาเซดี, วัดที่โลมี่นโล, วัดดะมะยานจี้, วัดตะบะญุ เป็นต้น
นำท่านนมัสการ เจดีย์ชเวสิกอง (1 ใน 5 มหาสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่า) เชื่อกันว่าเจดีย์ชเวสิกอง เป็นที่ประดิษฐาน พระสารีริกธาตุและพระทันตธาตุ ของพระโคตมพุทธเจ้า พระเจดีย์มีรูปทรงระฆังคว่ำมีการปิดประดับทองคำเปลว ฐานเจดีย์มีหลายชั้น เจดีย์เป็นทรงตันฐานระเบียงเจดีย์มีแผ่นภาพเคลือบปูนปั้น เล่าเรื่องในนิทานชาดก ที่ทางเข้าของเจดีย์มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของผู้ปกป้องศาสนสถาน บริเวณโดยรอบล้อมด้วยวิหารและศาลเจ้าขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สี่องค์ของพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ทั้งสี่ทิศ ที่ด้านนอกเขตเจดีย์มีวิหารนะ 37 ตน โดยมีท้าวสักกะหรือพระอินทร์เป็นหัวหน้านะ สร้างจากไม้แกะสลักอย่างประณีตตามแบบศิลปะพม่า บริเวณเจดีย์ชเวสิกอง ยังมีเสาหินที่จารึกเป็นภาษามอญในสมัยพระเจ้าจานซิต้า
จากนั้นนำท่านนมัสการ วัดอานันดาพญา คือมหาวิหารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองพุกาม ประเทศพม่า เริ่มสร้างขึ้นใน พ.ศ. 1633 แล้วเสร็จในปีต่อมา ในรัชกาลพระเจ้าจานซิต้า มีความสำคัญในฐานะได้รับการยกย่องว่าเป็น "เพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม" ในอดีตยอดพระเจดีย์ยังเป็นสีขาวเหมือนกับพระเจดีย์องค์อื่นๆ ของพุกาม แต่รัฐบาลพม่าได้มาทาสีทองทับเมื่อ พ.ศ. 2533 เพื่อสมโภชการสร้างวัดอานันดาพญา ครบรอบ 900 ปี อานันดาพญา เป็นพระเจดีย์ที่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีมุขยื่น 4 ทิศ ประตูทางเข้าเป็นประตูโค้ง ที่มักพบเห็นในสถาปัตยกรรมตะวันตกมากกว่าตะวันออก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนไม้ปิดทอง สี่ทิศ สี่องค์ สูง 9.5 เมตร
จากนั้นชม เจดีย์ติโลมินโล หรือบางครั้งคนไทยเรียกว่า วัดฉัตรตั้ง เป็นวัดพระเจดีย์ในพุกาม ประเทศพม่า สร้างขึ้นโดย พระเจ้าไชยสิงขะในราว ค.ศ. 1211–1231 เจดีย์แห่งนี้สูง 3 ชั้น 46 เมตร และสร้างด้วยอิฐ วัดนี้เป็นที่รู้จักสำหรับประติมากรรมปูนปลาสเตอร์ที่โดดเด่น และบนชั้นหนึ่งประดิษฐานพระพุทธรูป 4 องค์ เจดีย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวพุกามใน ค.ศ. 1975 พระเจ้านรปติสิทธุ ทรงมีราชบุตรหลายพระองค์ ทั้งที่เกิดแต่อัครมเหสีและพระชายา เมื่อทรงตัดสินใจแต่งตั้งกษัตริย์พระองค์ต่อไป ตามธรรมเนียมพระองค์จะต้องตั้งบุตรในอัครมเหสี แต่พระองค์ทรงเคยรับปากพระชายาองค์หนึ่งว่า จะทรงพิจารณาราชบุตรจากชายาองค์นี้ให้ขึ้นครองราชย์ด้วย ดังนั้นพระองค์จึงตัดสินใจใช้ "ฉัตรเสี่ยงทาย" โดยทรงตั้งฉัตรอันเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ไว้ตรงกลาง แล้วให้ราชบุตรแต่ละพระองค์มานั่งล้อมวงกัน หากฉัตรล้มลงแล้วปลายฉัตรชี้ไปที่ราชบุตรองค์ใดนั้น ก็จะทรงแต่งตั้งเป็นกษัตริย์สืบต่อไปจากพระองค์ ซึ่งปรากฏว่าปลายฉัตรชี้ไปที่เจ้าชายไชยสิงขะ ซึ่งเป็นราชบุตรอันเกิดแต่ชายา ชาวพม่าจึงเรียกพระเจ้าไชยสิงขะว่า "กษัตริย์ฉัตรตั้ง" และเมื่อทรงขึ้นครองราชย์จึงทรงสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณที่พระราชบิดาเอาฉัตรเสี่ยงทาย และเรียกว่า เจดีย์ติโลมินโล
จากนั้นชม วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyi Temple) เป็นวัดในเมืองพุกาม ประเทศพม่า เป็นวัดขนาดใหญ่ที่สุดในพุกามสร้างในรัชกาลพระเจ้านะระตู กษัตริย์แห่งราชวงศ์พุกาม ได้ชื่อว่าเป็นผู้โหดร้ายและเป็นจุดเริ่มต้นความเสื่อมของอาณาจักรพุกาม มีพระนามที่เป็นที่รู้จักอีกพระนามหนึ่งว่า "อิมตอวสยัน" ที่ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหด เนื่องจากทรงลอบปลงพระชนม์พระบิดา คือ พระเจ้าอะลองสิธู และพระเจ้ามินชินสอ พระเชษฐา เพื่อขึ้นครองราชย์ จึงเชื่อกันว่าทรงสร้างวัดอันใหญ่โตนี้เพื่อไถ่บาปของพระองค์เอง
จากนั้นนำท่านชม วัดมนูหะ หรือ มะนูฮาพญา เป็นวัดและโบราณสถานที่สร้างโดยพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญแห่งอาณาจักรสุธรรมวดี ขณะที่พระองค์ทรงถูกจองจำในเมืองพุกามในรัชสมัยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ตามประวัติได้เล่าว่า พระเจ้าอโนรธามังช่อ กษัตริย์พุกาม ได้ทรงทำสงครามกับอาณาจักรสุธรรมวดี เมืองหลวงของมอญและได้รับชัยชนะ จึงทรงกวาดต้อนกษัตริย์แห่งสุธรรมวดีคือ พระเจ้ามนูหะมาจองจำในเมืองพุกาม โดยไม่ให้อิสระอะไรมากนัก ต่อมาพระองค์ได้ทรงมีพระบรมราชานุญาติให้ พระเจ้ามนูหะสร้างวัดเพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศล ซึ่งคือวัดมนูหะแห่งนี้ พระองค์จึงทรงระบายความคับแค้นพระทัยผ่านการสร้างวัดโดยทรงสร้างให้ พระประธานปางขัดสมาธิในวิหารมีขนาดใหญ่จนพระอังสา (ไหล่) ของพระพุทธรูปชิดติดกับผนังทั้งสองข้าง และมีลักษณะอึดอัด ชาวไทยจึงรู้จักกันในนาม พระอึดอัด นอกจากพระพุทธรูปปางสมาธิแล้ว ในอีกวิหารหนึ่งยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ เสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งถูกสร้างในลักษณะที่ดูอึดอัดเช่นกัน โดยมีพุทธลักษณะทรงยิ้ม นักโบราณคดีบางกลุ่มตีความว่าพระเจ้ามนูหะทรงจะสื่อว่า ความตาย (พระนิพพาน) เท่านั้น จะช่วยให้เราหลุดพ้นได้
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (3)
นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมัณฑะเลย์ โดยรถโค้ชปรับอากาศ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
นำท่านสู่ ทะเลสาบตองตะหมั่น (Toungthamon) ทะเลสาบที่เป็นที่ตั้งของ สะพานไม้สัก ที่ยาวที่สุดในโลก และยังคงมีการใช้งานจนถึงปัจจุบัน ระดับน้ำในทะเลสาบจะมีน้ำขึ้นเยอะหรือน้อยขึ้นอยู่กับฤดูกาล ช่วงฤดูหนาวน้ำจะแห้งกลายเป็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับทำการเพาะปลูก เหนือท้องน้ำมีสะพานไม้ ทอดข้ามทะเลสาบ 1.2 กิโลเมตร เรียกว่า สะพานไม้อูเป็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก สร้างขึ้นหลังจากที่ย้ายราชธานีมาอยู่ที่อมรปุระ เป็นสะพานไม้สักที่นำมาจากเมืองอังวะ โดยเสนาบดีของพระเจ้าโบ่ต่อพญา ชื่อว่า เสาอู จึงเรียกชื่อสะพานไม้นี้ ตามชื่อ คือ อู่เป่ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น เพื่อทำเป็นเสาหลัก ส่วนชื่อสะพานตั้งตามนายพลอูเบ็ง ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างตามพระประสงค์ของ พระเจ้าปดุง (กษัตริย์แห่งราชวงศ์อลองพญา)โดยสะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้ข้าม ทะเลสาบตาวตะหมั่นที่เชื่อมระหว่าง เมืองอมรปุระกับอังวะ มีอายุกว่า 200 ปี
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (4)
เข้าสู่พักที่ VICTORIA PALACE HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า (มัณฑะเลย์)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (5)
นำท่านเดินทางสู่ มิงกุน โดยการล่องเรือไปตามแม่น้ำอิระวดี จากท่าเรือใกล้เจดีย์ชเวไจยัต เขตเมืองอมรปุระทวนน้ำไปหมู่บ้านมิงกุน ซึ้งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดี และไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้น ทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็น “กึ่งบ้านกึ่งแพ” เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาล จะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอน ครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์ชินพิวมิน (Mya Thein Tan) (เมี๊ยะเต็งดาน ทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี) เจดีย์ชินพิวมิน มีลักษณะเป็นชั้นๆ สีขาว เจดีย์สร้างบนฐาน 7 ชั้น รูปเกลียวคลื่น ซึ่งเป็นการสร้างจำลองแบบจักรวาลตามคติทางพุทธศาสนา ประกอบไปด้วย เจดีย์จุฬามณีบนยอดเขาพระสุเมรุ บันไดสำหรับการเสด็จจากดาวดึงส์ วิมานของเทวดาบนสวรรค์ และที่อยู่ของมนุษย์ต่างๆ เช่นนาคที่ตีนเขาพระสุเมรุ สัตตบริภันฑ์ซึ่งได้แก่ กำแพงในผังกลมรายรอบเจดีย์ประธาน โดยเจดีย์องค์นี้ถือได้ว่าเป็นการจำลองจักรวาลที่สมบูรณ์ที่สุดในศิลปะพม่า ซึ่งเป็นที่นิยมสร้างเฉพาะในศิลปะสมัย อมรปุระ-มัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้าง เจดีย์มิงกุน หรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีน โดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่ หรืออาระกันจำนวน 50,000 คน หลบหนีการขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็นกองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆ โดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลัง กลายเป็นฉนวนให้เกิดสงคราม อังกฤษ-พม่า อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุด อย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์ จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด และสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ฝั่งเมือง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (6) เมนูพิเศษ!! กุ้งเผา
จากนั้นนำทุกท่านเข้าชม พระราชวังมัณฑะเลย์ เป็นพระราชวังหลวงในประเทศพม่า เป็นพระราชวังสุดท้ายแห่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ของอาณาจักรพม่า ถูกสร้างโดยพระเจ้ามินดง พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นที่ประทับหลักของ พระเจ้ามินดงและพระเจ้าสีป่อ ซึ่งเป็นกษัตริย์สององค์สุดท้ายของพม่า พระราชวังแห่งนี้ได้ยุติการเป็นที่ประทับ และที่ทำการเมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 ระหว่างสงคราม อังกฤษ–พม่า ครั้งที่สาม กองทหารของอังกฤษได้เข้ายึดพระราชวัง และควบคุมราชวงศ์ อังกฤษเปลี่ยนบริเวณพระราชวังเป็นป้อมดัฟเฟริน ซึ่งตั้งชื่อตามผู้สำเร็จราชการอินเดียในขณะนั้น ตลอดยุคอาณานิคมของอังกฤษ ชาวพม่ามองว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์หลักของอธิปไตยและอัตลักษณ์ บริเวณพระราชวังส่วนใหญ่ถูกทำลายในช่วง สงครามโลกครั้งที่สองโดยการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร มีเพียงโรงกษาปณ์และหอสังเกตการณ์เท่านั้นที่เหลือรอด พระราชวังจำลองถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วง พ.ศ. 2533 ด้วยวัสดุที่ทันสมัย ปัจจุบันพระราชวังมัณฑะเลย์ เป็นสัญลักษณ์หลักของมัณฑะเลย์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
นำทุกท่านเยี่ยมชม พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (วิหารไม้สักทอง) เดิมวิหารหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังอมรปุระ ก่อนที่จะถูกย้ายมายังมัณฑะเลย์ ซึ่งสร้างในพื้นที่ตอนเหนือของพระราชวังแก้ว และเป็นพระตำหนักประทับส่วนหนึ่งของกษัตริย์ตัวอาคารปิดทองอย่างหนาแน่น และประดับด้วยงานโมเสกแก้ว วิหารแห่งนี้โดดเด่นเรื่องงานไม้สักแกะสลักเรื่องราวทางพุทธศาสนา ซึ่งประดับอยู่ที่ผนังและหลังคา วิหารแห่งนี้ สร้างขึ้นในสไตล์สถาปัตยกรรมพม่าแบบดั้งเดิม เป็นอาคารหลักของพระราชวังเดิมเพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2421 โดยพระเจ้าสีป่อ ซึ่งรื้อถอนและย้ายพระตำหนักของพระเจ้ามินดง พระราชบิดาซึ่งครอบครองก่อนสวรรคต พระเจ้าสีป่อได้รื้อพระตำหนักออกเมื่อ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2421 โดยเชื่อว่ามีวิญญาณของพระราชบิดาสิงอยู่ การบูรณะวิหารหลังนี้เสร็จสิ้น วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2421 เพื่ออุทิศแด่ พระราชบิดา
จากนั้นนำท่านชม วัดกุโสดอร์ เป็นเจดีย์พุทธตั้งอยู่เชิงเขามัณฑะเลย์ ซึ่งมีหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้ามินดง ตัวเจดีย์ซึ่งปิดทองเหนือฐาน มีความสูง 57 เมตร จำลองตามเจดีย์ชเวซี่โกน เมืองญองอู้ ใกล้พุกาม บริเวณเจดีย์มีซุ้มเจดีย์ขนาดเล็กประดิษฐานหินจารึก 729 แผ่น พระเจ้ามินดงได้สร้างเจดีย์ขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเมืองมัณฑะเลย์เดิม ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ ในปี พ.ศ. 2400 ต่อมาพระองค์มีพระราชดำริให้สังคายนาพระไตรปิฎกใน ปี พ.ศ. 2414 นอกจากนี้พระองค์ต้องการทำนุบำรุงศาสนาพุทธในพม่าครั้งใหญ่ โดยมีพระราชดำริให้จารึกพระไตรปิฎกไว้บนแผ่นหินเพื่ออนุชนรุ่นหลัง ให้สืบเนื่องไปห้าพันปีหลังพระพุทธเจ้า การก่อสร้างเริ่มขึ้นปี พ.ศ. 2403 มีการติดตั้งฉัตร วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 และเปิดให้ประชาชนเข้าชม วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2411 จารึกถูกจัดเรียงกันเป็นระเบียบภายในกำแพงล้อมสามชั้น ชั้นแรก 42 แผ่น ชั้นสอง 168 แผ่น และชั้นสาม 519 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ ของกำแพงชั้นแรกทำให้ได้ 730 แผ่น หินแผ่นนี้บันทึกประวัติการสร้าง และมีศาลาพักตั้งเรียงรายอยู่รอบ ๆ เจดีย์
จากนั้นนำท่านชมทัศนียภาพของเมืองที่ ภูเขามัณฑะเลย์ฮิลล์ (Mandalay hills) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือจากใจกลางเมืองมัณฑะเลย์ ชื่อเมืองตั้งตามชื่อของเนินเขา เขามัณฑะเลย์ขึ้นชื่อเรื่องเจดีย์และอารามมากมาย และเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญที่สำคัญสำหรับชาวพุทธพม่ามาเกือบสองศตวรรษ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่บนภูเขามัณฑะเลย์รอบวิหารมีระเบียง สำหรับชมทัศนียภาพเมืองมัณฑะเลย์ และสามารถมองเห็นแม่น้ำอิระวดี พระบรมมหาราชวัง วัดกุโสดอว์
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (7)
เข้าสู่พักที่ VICTORIA PALACE HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า (มัณฑะเลย์)
03.30 น. พร้อมกัน ณ จุดนัดหมายของโรงแรมที่พัก เพื่อเดินทางสู่ วัดพระมหามัยมุนี
04.00 น. นำท่านนมัสการ และร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ในพิธีล้างหน้าพระพักตร์ พระมหามัยมุนี (มะฮาเมียะมุนิ) เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ พระมหามัยมุนี หรือ มะฮาเมียะมุนิ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่า คำว่า มหามัยมุนี แปลว่า "ผู้รู้อันประเสริฐ" ด้วยความเชื่อว่าพระพุทธมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต ด้วยเหตุที่ได้รับประทานพร หรือบางตำนานก็กล่าวว่า ได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้า จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวาย โดยทุกเช้าในเวลาประมาณ 04.00 น. พระมหาเถระและสาธุชนทั่วไปที่ศรัทธา จะมาทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมทานาคาอย่างดี พร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์ เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนที่ถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท แล้วนำกลับคืนแก่สาธุชนผู้นั้นไปบูชาต่อ พร้อมใช้พัดทองโบกถวายเป็นอันดี เสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ยังทรงพระชนมชีพอยู่ พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า "พระเนื้อนิ่ม" ซึ่งเกิดจากการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทัวทั้งองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไปจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่ม ของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพันๆ หมื่นๆ ชั้น
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (8)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองสกายน์ หรือซะไกง์ (Sagaing) ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำอิรวดี ตรงข้ามกับเมืองอังวะ เมืองซะไกง์มีวัดทางพุทธศาสนาที่สำคัญหลายแห่ง เมืองสร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรซะไกง์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรเล็กๆ ที่ก่อตั้งขึ้นหลังการล่มสลายของอาณาจักรพุกาม ปัจจุบันเมืองซะไกง์มีประชากรประมาณ 70,000 คน มีเขตติดต่อใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งมีประชากรมากกว่า 1,022,000 คน ทำให้เมืองซะไกง์มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่รองรับประชากรจากมัณฑะเลย์
นำท่านชม เจดีย์กวงมูดอว์ หรือ เจดีย์นมนาง (Kaung Hmu Daw Pagoda) เป็นเจดีย์พุทธขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เขตชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของซะไกง์ โดยจำลองตามสวัณณมาลีมหาเจดีย์ ในประเทศศรีลังกา ฐานชั้นล่างสุดของเจดีย์ประดับด้วยนะและเทวดา 120 องค์ ล้อมรอบด้วยโคมหิน 802 ต้น ซึ่งแกะสลักพร้อมจารึกพุทธประวัติสามภาษาได้แก่ พม่า, มอญ และไทใหญ่ เป็นตัวแทนของสามภูมิภาคหลักสมัยอาณาจักรตองอูยุคฟื้นฟู โดมของเจดีย์ได้รับการทาสีขาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงถึง ความบริสุทธิ์ตามประเพณีของชาวศรีลังกา
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์อูมินตงแซ่ ขอพร พระทันใจ (Umin Thonze Pagoda) ตั้งอยู่ที่ดอยสุริยะอูมินตงแส่ อยู่ทางเหนือประมาณ 1200 เมตร เป็นวัดผสมผสานที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ทางเดินรูปพระจันทร์เสี้ยว ภายในมีพระพุทธรูป 45 องค์ ทางเดินรูปพระจันทร์เสี้ยวทั้งหลังมีซุ้มประดับประดาสวยงามทั้งหมด 30 ซุ้ม หมายถึง ถ้ําที่พระสงฆ์นั่งสมาธิ ส่วนชื่อวัด อูมิน แปลว่า ถ้ํา ตงแส่ หมายถึง 30 ด้าน ด้านข้างทางเดินมีพระวิหารสี่เหลี่ยม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดต่างๆ กว่าสิบองค์ บนเนินเขาด้านหลังทางเดินยังมีกลุ่มพระอุโบสถ และเจดีย์ที่มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาสุริยะและแม่น้ําอิรวาดี
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (9)
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ เพื่อเดินทางกลับ กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง)
15.35 น. ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน MYANMAR AIRWAYS (8M) เที่ยวบินที่ 8M362 (มีบริการอาหารว่างบนเครื่อง)
17.55 น. ถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจในบริการ
299/10 ซอย ลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310